1. time frame รายนาที (1,3,5,10,15,30,45,60,120)
เหมาะสมกับ : ผู้ที่เวลาเฝ้าหน้าจอเกือบตลอดเวลา มีประสาทสัมผัสที่ไวมากๆ และยังรวมถึงพวกที่เล่นหุ้นแบบ net settlement อีกด้วย (ซื้อ-ขาย จบในวันเดียว เพราะใช้วงเงินเล่นแทนเงินที่มีอยู่จริง)
ความเห็นของผู้เขียน : โอกาสน้อยมากๆ หรือจะเรียกว่าแทบเป็นไปไม่ได้เลย ที่ day trader จะใช้ระบบเทรด แบบไม่ดู bid-offer และ ticker จะชนะตลาดได้แบบยั่งยืน เพราะฉะนั้นผู้เขียนไม่แนะนำให้ใช้ time frame ที่ตำกว่า day และ ไม่แนะนำให้เฝ้าหน้าจอ streaming ตลอดเวลา ค่ะ
2. time frame Day
เหมาะสมกับ : ผู้ที่มีเวลาวิเคราะห์หุ้นทุกๆ สิ้นวัน , ผู้ที่อดใจไม่ได้ที่จะติดตามราคา และ ข่าวหุ้น ในทุกทุกวัน และ รู้สึก sensitive กับราคาที่สวิงขึ้นลงของหุ้น
ความเห็นของผู้เขียน : t/f Day จะใช้ได้ดีกว่า t/f Week สำหรับหุ้นที่มีอัตราการเก็งกำไรที่สูง และ ทำราคาและไล่ราคาจบกันใน week และไม่เหมาะกับการเล่นหุ้นพื้นฐานดี และมีแนวโน้ม (trend) ชัดเจน เพราะจะทำให้เกิดอาการขายหมูได้บ่อยเกินไปค่ะ
3. time frame Week
เหมาะสมกับ : ผู้ที่ไม่มีเวลาวิเคราะห์หุ้นทุกวัน แต่ยังอยากสร้างกระแสเงินสดแบบเป็นรายเดือนอยู่บ้าง และ จะต้องมีความสุขุมเยือกเย็นระดับหนึ่ง ไม่สนใจหรือจดจ่ออยู่กับราคา หรือ ข่าว ที่เกิดขึ้นรายวัน
ความเห็นของผู้เขียน : t/f Week สามารถใช้ได้ดีมากๆกับการเทรดหุ้นที่มีพื้นฐานดีในระดับหนึ่ง และมีแนวโน้มที่ชัดเจน (trend)
4. time frame Month
เหมาะสมกับ : ผู้ที่มีเงินเย็น , วิเคราะห์เศรษฐศาสตร์มหภาค และ วิเคราะห์ธุรกิจ ได้ดีมีเวลาในการวิเคราะห์หุ้นน้อย อาจเป็นเจ้าของกิจการ หรือ
ผู้บริหาร ที่ต้องการจะ focus ในงานหลักของตัวเอง แต่ยังมีความต้องการจะลงทุน เพื่อสร้างผลตอบแทนเฉลี่ยที่มากกว่าเงินเฟ้อ
ความเห็นของผู้เขียน : t/f Month ต้องใช้สำหรับหุ้นที่มีพื้นฐานกิจการดีเท่านั้น เพราะฉะนั้นการวิเคราะห์เชิงพื้นฐานสำคัญมาก สำหรับนักลงทุนที่ใช้ t/f นี้ โดยที่ t/f นี้ก็มีโอกาสในการสร้างรายได้และชนะตลาดได้ยั่งยืนมากที่สุด
โดยส่วนตัวแล้วผู้เขียนจะดู T/F Dayเป็นหลัก จะเน้นการถือออเดอร์ยาวๆ เพราะไม่ต้องเฝ้าคอมตลอดเวลาและมีความแม่นยำสูงกว่าT/Fที่ต่ำกว่า