เฟด (Fed) คือใคร?
Fed คือ ธนาคารกลางของประเทศสหรัฐอเมริกา ระบบธนาคารกลางสหรัฐ (Federal Reserve (System) หรือ Fed) ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 1913 ด้วยการตรารัฐบัญญัติธนาคารกลาง หลังเกิดวิกฤตการเงินขึ้นหลายครั้ง (โดยเฉพาะวิกฤตการเงินปี 1907) ทำให้มีความต้องการในการควบคุมจากส่วนกลาง ในเรื่องของระบบการเงินเพื่อบรรเทาวิกฤตการเงิน จากเหตุการณ์ต่อๆ มาอย่างภาวะเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่ในคริสต์ทศวรรษ 1930 และภาวะเศรษฐกิจถดถอยครั้งใหญ่ในคริสต์ทศวรรษ 2000 นำสู่การขยายบทบาทและความรับผิดชอบของระบบธนาคารกลาง โดยที่รัฐสภาสหรัฐตั้งวัตถุประสงค์สำคัญสามข้อสำหรับนโยบายการเงินในรัฐบัญญัติธนาคารกลาง ได้แก่ การเพิ่มการจ้างงานให้สูงสุด การรักษาเสถียรภาพราคา และข้อสุดท้ายคือ การรักษาอัตราดอกเบี้ยระยะยาว วัตถุประสงค์ในสองข้อแรกบางครั้งเรียกว่า อาณัติคู่ของธนาคารกลาง
บทบาทของธนาคารกลางสหรัฐ
The Federal Reserve (FED) หรือธนาคารกลางสหรัฐนั้น มีบทบาทสำคัญอย่างมากต่อการตัดสินใจลงทุนของนักลงทุน เนื่องจากการตัดสินใจของ FED จะเป็นการกำหนดถึงทิศทางเศรษฐกิจ อัตราดอกเบี้ย อัตราเงินเฟ้อ และปัจจัยอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง
FED มีความสำคัญอย่างไร
FED นั้นมีบทบาทสำคัญในการกำหนดทิศทางอัตราดอกเบี้ย อัตราเงินเฟ้อ และการเติบโตของเศรษฐกิจ ซึ่งจะมีผลต่อแนวโน้มเศรษฐกิจในอนาคต อัตราคิดลด (Discount rates) และการลงทุนของนักลงทุน ซึ่งไม่มีใครจะสามารถคาดการณ์ได้ถูกต้องว่าทิศทางในอนาคตและนโยบายของ FED จะเป็นอย่างไร ซึ่งต้องอาศัยการวิเคราะห์ การคาดเดาจากการสื่อสารของ FED ทั้งนี้ เป้าหมายหลักของ FED นั้นคือการกำหนดนโยบายการเงิน เพื่อทำให้เศรษฐกิจเติบโตเต็มศักยภาพ มีการจ้างงานเต็มที่ และอัตราเงินเฟ้อมีเสถียรภาพ FED จะใช้นโยบายการเงินเพื่อรักษาเศรษฐกิจไม่ให้เกิดภาวะเงินฝืด เงินเฟ้อ หรือมีอัตราว่างงานที่สูงจนเกินไป โดย 1 ในเครื่องมือหลักที่คนให้ความสนใจคือการกำหนดทิศทางอัตราดอกเบี้ยของ FED ทั้งระยะสั้นและระยะยาว
เครื่องมือในการกำหนดนโยบายการเงินของ FED
-The Federal-Funds Rate อัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ คือนโยบายที่ถูกพูดถึงกันมากที่สุด ซึ่งใช้เพื่อเป็นการส่งสัญญาณหรือบอกถึงทิศทางนโยบายการเงิน
-Asset Purchases คือการเข้าซื้อสินทรัพย์ในตลาดการเงิน เช่น Mortgage-backed securities หรือ Longer-duration Treasuries เพื่อกดให้อัตราดอกเบี้ยระยะยาวในตลาดลดต่ำลง
-Forward Guidance การแนะนำหรือสื่อต่อสารธารณะชนเพื่อสร้างความคาดหวังต่อแนวทางนโยบายและทิศทาง
-Reserve Requirements การกำหนดอัตราเงินสดสำรองขั้นต่ำของธนาคารพาณิชย์ ซึ่ง FED กำหนดไว้ที่ 0%
โครงสร้างของ FED
ธนาคารกลางสหรัฐถูกก่อตั้งขึ้นโดยรัฐสภา ประกอบไปด้วย 3 หน่วยงานหลักคือ Federal Reserve banks, Board of governors และ Federal Open Market Committee ซึ่งนักลงทุนมักจะให้ความสนใจต่อคณะกรรมการนโยบายการเงิน หรือ FOMC เนื่องจากเป็นผู้ที่มีหน้าที่ในการกำหนดและตัดสินใจเรื่องนโยบายการเงิน ทั้งการกำหนดอัตราดอกเบี้ย และปริมาณการซื้อสินทรัพย์ FOMC จะมีการประชุมเป็นประจำและแถลงผลการประชุมและการคาดการณ์เศรษฐกิจต่อประชาชน ทั้งนี้ FOMC มีสมาชิก 12 คนที่ได้รับการโหวต สมาชิกเหล่านี้มาจากบอร์ดของผู้ว่าการ 7 คน และอีก 5 คน เป็นประธานของธนาคารกลาง
การกำหนดอัตราเงินเฟ้อและอัตราการจ้างงาน
FED กำหนดอัตราเงินเฟ้อเป้าหมายไว้ที่ 2% ซึ่ง FED อาจปล่อยให้ในบางช่วงอัตราเงินเฟ้อเกิน 2% ได้ก่อนที่จะทำการขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อคุมให้อัตราเงินเฟ้อปรับลงมาอยู่ที่ 2% ขณะที่อัตราการว่างงานระยะยาวกำหนดอยู่ที่ 4%
การดำเนินนโยบายของ FED
ในภาวะที่เกิด Supply shock เช่น ขาดแคลนน้ำมัน หรือภาวะขาดแคลนชิ้นส่วนอิเล็คโทรนิค FED อาจต้องเลือกว่าจะพยายามรักษาระดับราคาหรืออัตราเงินเฟ้อโดยการขึ้นอัตราดอกเบี้ย หรือจะกระตุ้นให้เกิดการผลิตเพื่อมาชดเชยความต้องการผ่านการผ่อนปรนหรือลดอัตราดอกเบี้ยเพื่อกระตุ้นให้เกิดกิจกรรมทางเศรษฐกิจ
Quantitative easing หรือ มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ คือการที่ FED เข้าซื้อสินทรัพย์ในระบบการเงิน เพื่ออัดฉีดเงินเข้าสู่ระบบและลดอัตราดอกเบี้ยให้ต่ำลง ซึ่งการทำ QE นั้นไม่ได้ทำให้เกิดภาวะเงินเฟ้อ เนื่องจากเป็นการเข้าซื้อสินทรัพย์ทางการเงิน เช่น พันธบัตรรัฐบาล หรือซื้อ Mortgage-backed securities จากสถาบันการเงิน เพื่อลดอัตราดอกเบี้ยในระบบลง
อย่างไรก็ตามในมุมของนักลงทุนอาจไม่จำเป็นต้องรู้ถึงรายละเอียดการดำเนินนโยบายการเงินของ FED แต่ควรรู้ถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงนโยบาย เช่น การเปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ยหรือการอัดฉีดเงินเข้าระบบนั้นจะกระทบต่ออัตราเงินเฟ้ออย่างไร
ทำไมนโยบาย Fed ส่งผลกระทบทั่วโลก
ถึงแม้จะบอกว่า Fed หรือ Federal Reserve System คือ ธนาคารกลาง (Central Bank) ของสหรัฐอเมริกาที่ทำหน้าที่พื้นฐานทั่วไปไม่ได้ต่างจากธนาคารกลางของประเทศอื่นทั่วโลก
แต่ Fed คือ ธนาคารกลางสหรัฐ ซึ่งประเทศที่มีมูลค่าเศรษฐกิจสูงที่สุดในโลกและมีอำนาจต่อเศรษฐกิจโลกมากที่สุดในปัจจุบัน การที่เศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกาเป็นเศรษฐกิจขนาดใหญ่ที่สุดทำให้ในท้ายที่สุดเศรษฐกิจของทุกประเทศจะสัมพันธ์กับสหรัฐอเมริกา ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม ตัวอย่างเช่น
- ส่งออกไปสหรัฐอเมริกาเป็นหลัก (ได้รับเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐ)
- นำเข้าสินค้าจากสหรัฐอเมริกา (ต้องจ่ายเงินเป็นสกุลดอลลาร์สหรัฐ)
- เงินลงทุนส่วนใหญ่ที่เข้ามาในบางประเทศ มาจากเงินลงทุนที่เคลื่อนย้ายจากตลาดทุนของสหรัฐฯ
จากตัวอย่าง ถ้าหาก Fed ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย (Policy Rate) จนเงินทุนไหลออกไปลงทุนในต่างประเทศจนทำให้เงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่า สิ่งที่เกิดขึ้นคือผู้ส่งออกที่ต้องส่งสินค้าไปยังสหรัฐอเมริกาอย่างไทยจะได้รับผลกระทบในทางลบ ในขณะที่เงินลงทุนที่ไหลออกมาจากสหรัฐฯ จากการที่ดอกเบี้ยลดลงก็อาจจะเข้าไปลงทุนในประเทศที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่าอย่างประเทศตลาดเกิดใหม่ (Emerging Market)
นอกจากนี้ การที่ Fed ใช้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณหรือการทำ QE ที่เป็นการเพิ่มเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ ซึ่งส่งผลให้ปริมาณเงินในระบบเศรษฐกิจเพิ่มขึ้นก็เป็นสิ่งที่ส่งผลกับการลงทุนทั่วโลก เพราะเงินดังกล่าวถูกอัดฉีดเข้ามาผ่านการเข้าซื้อพันธบัตร ดังนั้นเงินจำนวนดังกล่าวจะเข้าไปหาสินทรัพย์ทางการเงินก่อนที่จะลงไปสู้เศรษฐกิจจริง (Real Sector)