วิเคราะห์ทองคำ (XAU/USD): ผสมผสานปัจจัยทางเทคนิคและพื้นฐาน
ปัจจัยพื้นฐาน (Fundamental Analysis)
1. ทองคำพุ่งแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์
- ราคาทองคำปิดบวกในวันจันทร์ (24 ก.พ.) โดยได้รับแรงหนุนจากการเข้าซื้อทองคำของ SPDR Gold Trust ซึ่งเป็นกองทุน ETF ทองคำที่ใหญ่ที่สุดในโลก
- ปริมาณการถือครองทองคำเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 904.38 ตัน ณ วันที่ 21 ก.พ. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2566
- สะท้อนถึงความต้องการทองคำที่เพิ่มขึ้นจากนักลงทุนสถาบัน
2. ความกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้าและเงินเฟ้อ
- ปธน.ทรัมป์ขู่เรียกเก็บภาษีนำเข้า ไม้แปรรูปและผลิตภัณฑ์จากป่าไม้ นอกเหนือจากมาตรการเดิมที่มุ่งเป้าไปที่ รถยนต์, เซมิคอนดักเตอร์ และยา
- ตลาดกังวลว่ามาตรการนี้อาจเพิ่มความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อและทำให้เศรษฐกิจสหรัฐฯ เผชิญกับความไม่แน่นอน
- นักลงทุนจึงเข้าซื้อทองคำในฐานะ สินทรัพย์ปลอดภัย (Safe Haven) เพื่อป้องกันความเสี่ยง
3. จับตาการประกาศดัชนี PCE ของสหรัฐฯ ในวันศุกร์
- ดัชนี PCE (Personal Consumption Expenditures Price Index) เป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ให้ความสำคัญ
- PCE ครอบคลุมราคาสินค้าและบริการที่หลากหลายกว่าดัชนี CPI
- หากตัวเลขออกมาสูง อาจกระตุ้นให้เฟดพิจารณานโยบายการเงินที่เข้มงวดขึ้น ซึ่งอาจกระทบต่อราคาทองคำ
ปัจจัยทางเทคนิค (Technical Analysis)
1. แนวโน้มราคา
ทองคำยังอยู่ในแนวโน้ม ขาขึ้นระยะสั้น โดยราคายังเคลื่อนไหวเหนือเส้น EMA 50 (สีน้ำเงิน)
อย่างไรก็ตาม ราคาเผชิญแนวต้านสำคัญที่ 2,955.41 และมีแรงขายกดลงมา
2. แนวรับ - แนวต้านที่สำคัญ
แนวต้านหลัก:
2,955.41 → จุดสูงสุดล่าสุด หากทะลุขึ้นไปได้ อาจไปต่อที่ 2,970
แนวรับสำคัญ:
2,943.20 - 2,941.41 → บริเวณแนวรับแรกที่ใกล้เส้น EMA 50
2,919.38 → หากราคาหลุดแนวรับแรก อาจลงมาทดสอบจุดนี้
2,904.92 → แนวรับสำคัญที่ควรจับตา หากหลุดอาจเกิดแรงขายเพิ่มขึ้น
3.RSI บ่งชี้ภาวะตลาดกลาง ๆ
RSI ล่าสุดอยู่ที่ 51.96 แสดงถึงภาวะ Sideway ถึงขาขึ้นอ่อน ๆ
ถ้า RSI ยืนเหนือ 55 อาจเป็นสัญญาณให้ราคาทองคำดีดตัวขึ้น
ถ้าหลุดระดับ 50 อาจส่งสัญญาณแรงขายเพิ่มขึ้น