การวิเคราะห์ทองคำ: การผสานปัจจัยพื้นฐานและเทคนิคอล
ข้อมูลทางพื้นฐาน (Fundamental Analysis):
1. ปัจจัยลบที่กดดันราคาทองคำ:
- การแข็งค่าของดอลลาร์:
ดัชนีดอลลาร์ปรับตัวขึ้น 0.28% แตะระดับ 109.955 ทำให้ทองคำมีราคาสูงขึ้นเมื่อคำนวณเป็นสกุลเงินอื่น ส่งผลให้นักลงทุนลดความสนใจในสินทรัพย์นี้
- การพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตร:
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 10 ปี ปรับตัวสูงขึ้นแตะ 4.805% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 14 เดือน เพิ่มต้นทุนค่าเสียโอกาสในการถือครองทองคำ
- ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรที่แข็งแกร่งเกินคาด:
สะท้อนเศรษฐกิจที่ยังคงแข็งแกร่ง ทำให้เฟดมีแนวโน้มที่จะชะลอการลดอัตราดอกเบี้ย
2. การคาดการณ์ CPI:
- นักลงทุนจับตาการเปิดเผยตัวเลขดัชนี CPI เดือนธันวาคม ซึ่งคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 2.9% หลังจากที่เพิ่มขึ้น 2.7% ในเดือนพฤศจิกายน
- CPI พื้นฐาน (Core CPI) คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 3.3% เมื่อเทียบรายปี
ข้อมูลทางเทคนิค (Technical Analysis):
1. แนวโน้มปัจจุบัน:
- ราคาทองคำยังคงอยู่ในแนวโน้มขาขึ้นในกรอบช่องทาง (Ascending Channel) โดยมีแนวรับสำคัญที่ $2,664 และแนวต้านที่ $2,698
2. ระดับสำคัญ:
- แนวรับ:
- $2,664 (แนวรับแรกในกรอบเทรนด์)
- $2,648 (แนวรับสำคัญ หากมีแรงขายต่อเนื่อง)
- แนวต้าน:
- $2,673 (ระดับ EMA 50)
- $2,698 (เส้นขอบด้านบนของกรอบ)
3. ตัวชี้วัด RSI:
- RSI อยู่ใกล้ระดับ 50 ซึ่งเป็นสถานะกลาง (Neutral) แสดงถึงการชะลอการเคลื่อนไหวรอปัจจัยกระตุ้น
กลยุทธ์การเทรด (Trading Strategy):
1. กรณีราคาทองคำปรับตัวขึ้น:
- หากราคาทะลุ $2,673 และยืนเหนือระดับนี้ อาจเปิดสถานะ ซื้อ (Buy) โดยตั้งเป้าหมายที่ $2,698
- จุดตัดขาดทุน (Stop Loss) ที่ต่ำกว่า $2,664
2. กรณีราคาทองคำปรับตัวลง:
- หากราคาหลุด $2,664 อาจเปิดสถานะ ขาย (Sell) โดยตั้งเป้าหมายที่ $2,648
- จุดตัดขาดทุน (Stop Loss) ที่สูงกว่า $2,673
สรุป:
ราคาทองคำในช่วงนี้ถูกกดดันจากปัจจัยพื้นฐานที่เป็นลบ เช่น การแข็งค่าของดอลลาร์และการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตร แต่ยังคงมีการเคลื่อนไหวในกรอบแนวโน้มขาขึ้นในเชิงเทคนิค นักลงทุนควรติดตามดัชนี CPI ในวันพรุ่งนี้ ซึ่งอาจเป็นปัจจัยสำคัญที่กระทบต่อราคาทองคำและทิศทางของเฟดในอนาคต
#ทองคำ #ดอลลาร์แข็งค่า #วิเคราะห์กราฟ #กลยุทธ์เทรด #ราคาทองคำ #เทรดเดอร์ #ตลาดการเงิน #การลงทุน #ข่าวเศรษฐกิจ