บทวิเคราะห์ทางเทคนิคและปัจจัยพื้นฐานเกี่ยวกับราคาทองคำ
ปัจจัยพื้นฐาน (Fundamental Analysis)
1. ภาพรวมตลาดทองคำ:
- สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลบในวันจันทร์ (30 ธ.ค.) ลดลง 13.80 ดอลลาร์ หรือ 0.52% ปิดที่ 2,618.10 ดอลลาร์/ออนซ์ เนื่องจากปริมาณการซื้อขายที่เบาบางในช่วงใกล้วันหยุด และนักลงทุนกำลังรอดูข้อมูลเศรษฐกิจใหม่ที่จะส่งผลต่อแนวโน้มการตัดสินใจอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด)
2. ปัจจัยกดดันและหนุนราคาทองคำ:
- การปรับโพสิชันของนักลงทุนในช่วงสิ้นปีเป็นปัจจัยกดดันราคาทองคำ
- อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ตึงเครียดด้านภูมิรัฐศาสตร์ และการซื้อทองคำของธนาคารกลางทั่วโลก ยังคงเป็นแรงหนุนสำคัญในระยะยาว
- ราคาทองคำได้แรงหนุนตลอดปี 2567 โดยปรับตัวขึ้น 27% และทำสถิตสูงสุดใหม่ที่ 2,790.15 ดอลลาร์/ออนซ์
3. ข้อมูลเศรษฐกิจที่ต้องติดตาม:
นักลงทุนกำลังจับตาข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญในสัปดาห์หน้า เช่น
- ตัวเลขจ้างงานจาก ADP
- ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตร
- รายงานการประชุมเฟด
บทวิเคราะห์ทางเทคนิค (Technical Analysis)
1. แนวรับสำคัญ:
- 2,624.16: แนวรับแรก หากราคายังยืนได้ อาจมีโอกาสฟื้นตัว
- 2,606.44: หากทะลุลงมา อาจมีแรงขายเพิ่มและลงไปทดสอบแนวรับถัดไปที่ 2,586.84
2. แนวต้านสำคัญ:
- 2,636.97: แนวต้านแรก หากทะลุได้ อาจขึ้นไปทดสอบ 2,651.33
- 2,651.33: แนวต้านสำคัญที่ควรจับตาหากแนวโน้มขาขึ้นกลับมา
3. EMA 50
ราคาปัจจุบันอยู่ต่ำกว่า EMA 50 ซึ่งแสดงให้เห็นถึงแนวโน้มขาลงระยะสั้น
4. RSI (Relative Strength Index):
RSI อยู่บริเวณ 45.12 ซึ่งเป็นโซนกลาง แสดงถึงความไม่แน่นอนของตลาดในช่วงนี้
กลยุทธ์การเทรด:
1. Short Position:
- หากราคาทะลุแนวรับที่ 2,606.44 ให้เปิด Short Position โดยตั้งเป้าหมายทำกำไรที่ 2,586.84
- วาง Stop Loss ที่เหนือระดับ 2,624.16
2. Long Position:
- หากราคาสามารถยืนเหนือ 2,624.16 และมีแรงดีดตัวกลับ ให้เปิด Long Position โดยตั้งเป้าหมายทำกำไรที่ 2,636.97 หรือ 2,651.33
- วาง Stop Loss ที่ใต้ระดับ 2,606.44
3. เฝ้าระวังข่าวสำคัญ:
- ติดตามข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ เช่น ตัวเลขจ้างงาน ADP และรายงานการประชุมเฟด เพื่อประเมินแนวโน้มราคาทองคำในอนาคต
- หากมีความชัดเจนเรื่องการลดอัตราดอกเบี้ยในปีหน้า อาจช่วยหนุนให้ราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้น
สรุป:
ราคาทองคำยังคงอยู่ในกรอบการปรับฐานโดยมีแนวรับสำคัญที่ 2,606.44 และแนวต้านที่ 2,636.97 ขณะที่ปัจจัยพื้นฐาน เช่น ความไม่แน่นอนด้านภูมิรัฐศาสตร์ และการตัดสินใจอัตราดอกเบี้ยของเฟดในปี 2568 จะเป็นตัวขับเคลื่อนทิศทางราคาทองคำในระยะยาว.