เฟดปรับลดดอกเบี้ย: ผลกระทบต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ และแนวโน้มราคาทองคำ

อ่าน 2066


ฉบับย่อ

การประชุม FOMC ล่าสุดคาดว่าเฟดจะลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% สะท้อนภาวะเงินเฟ้อที่ลดลงใกล้เป้าหมาย เศรษฐกิจสหรัฐฯ กำลังเข้าสู่การชะลอตัวแบบ Soft Landing ส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงเล็กน้อย ซึ่งอาจเป็นปัจจัยบวกต่อราคาทองคำในระยะสั้น



ข้อมูลพื้นฐาน (Fundamental Analysis)

1. การคาดการณ์ลดอัตราดอกเบี้ยของเฟด: 

   - ศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% ในการประชุม FOMC วันที่ 6-7 พฤศจิกายน 2567 ลงมาอยู่ที่ระดับ 4.50-4.75% เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อปรับลดลงสู่ระดับ 2.1% ใกล้เคียงเป้าหมาย 2.0% ของเฟด

   - หากผลการประชุม FOMC ตรงตามคาด อาจส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์อ่อนตัวลงเล็กน้อย ซึ่งจะส่งผลบวกต่อราคาทองคำในระยะสั้น

2. แนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ ชะลอลง:

   - เศรษฐกิจสหรัฐฯ มีแนวโน้มเข้าสู่การชะลอตัวแบบ "Soft Landing" โดยไม่มีความจำเป็นต้องลดอัตราดอกเบี้ยมากถึง 0.50% ดังนั้นแรงขายในดอลลาร์อาจไม่รุนแรง

   - อัตราการว่างงานและยอดค้าปลีกที่ยังคงขยายตัวอยู่ ทำให้เฟดอาจคงการลดดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไป โดยอาจปรับลดอีก 0.25% ในเดือนธันวาคม 2567

3. ความไม่แน่นอนทางการเมือง:

   - ผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในวันที่ 5 พฤศจิกายน 2567 อาจส่งผลกระทบต่อนโยบายการเงินในระยะยาว หากมีการเปลี่ยนแปลงฝ่ายบริหาร ซึ่งอาจก่อให้เกิดความผันผวนในตลาดทองคำ

   - หากผลการเลือกตั้งมีการเปลี่ยนแปลงนโยบาย เช่น การปรับภาษีสินค้านำเข้าหรือมาตรการกีดกันแรงงาน อาจส่งผลให้เฟดไม่สามารถลดดอกเบี้ยต่อเนื่องได้ในปี 2568 ซึ่งอาจทำให้ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นและกดดันราคาทองคำในระยะยาว


การวิเคราะห์ทางเทคนิค (Technical Analysis)

จากกราฟทางเทคนิคที่แสดง:

1. แนวต้านและแนวรับสำคัญ:

   - ระดับแนวต้านอยู่ที่ Fibonacci 0.786 (2,742.26) และ 0.618 (2,752.31) ซึ่งเป็นจุดที่น่าสนใจในการพิจารณาเข้าออเดอร์ขาย (Sell) หากราคาขึ้นไปทดสอบแล้วไม่สามารถทะลุขึ้นไปได้

   - แนวรับสำคัญอยู่ที่ 2,729.44 และ 2,711.05 หากราคาปรับตัวลงมาถึงระดับนี้และไม่มีแรงขายต่อ อาจเป็นจุดที่เหมาะสมสำหรับการเข้าออเดอร์ซื้อ (Buy)

2. รูปแบบการเคลื่อนที่ของราคา:

   - ราคาทองคำมีแนวโน้มสร้างรูปแบบการกลับตัวลง โดยมีเส้นเทรนด์ไลน์จากกราฟที่สามารถใช้เป็นตัวบ่งชี้ว่าราคายังอยู่ในขาลงในระยะสั้น

3. ตัวบ่งชี้ RSI:

   - RSI อยู่ในระดับต่ำที่ประมาณ 43 หากราคามีแรงขายมากขึ้นอาจดัน RSI ลงต่ำกว่านี้ ซึ่งสามารถใช้เป็นสัญญาณการขายเพิ่มเติม อย่างไรก็ตาม หาก RSI ปรับตัวขึ้นและทะลุระดับ 50 ได้ ก็อาจเป็นสัญญาณบวกต่อราคาทองคำ


แผนการเทรด (Trade Plan)

1. การเข้าออเดอร์ขาย (Sell):

   - หากราคาขึ้นไปทดสอบระดับแนวต้าน 2,742.26 หรือ 2,752.31 แล้วไม่สามารถทะลุผ่าน อาจพิจารณาเข้าออเดอร์ขาย เนื่องจากตลาดได้สะท้อนการคาดการณ์การลดดอกเบี้ยของเฟดไว้แล้ว

   - ตั้งเป้าทำกำไรที่แนวรับ 2,729.44 หรือ 2,711.05 และพิจารณาปิดออเดอร์หากมีสัญญาณกลับตัวขึ้น

2. การเข้าออเดอร์ซื้อ (Buy):

   - หากราคาลงมาถึงแนวรับ 2,711.05 หรือบริเวณแนวรับ 2,692.44 ที่ระดับ Fibonacci 1.618 และมีแรงซื้อเข้ามาชัดเจน อาจพิจารณาเข้าออเดอร์ซื้อในจุดนี้ โดยคาดหวังการรีบาวด์จากแรงซื้อหากเฟดลดดอกเบี้ยตามที่คาด

   - ตั้งเป้าทำกำไรในกรอบระยะสั้นหรือระยะกลางขึ้นอยู่กับสัญญาณจาก RSI และความแข็งแกร่งของแรงซื้อ

3. จัดการความเสี่ยง:

   - ใช้แนวรับและแนวต้านเป็นจุดตัดขาดทุน (Stop Loss) เพื่อจัดการความเสี่ยงและป้องกันการสูญเสียที่เกินกว่าคาด


ข้อสรุป

การวางแผนเทรดนี้เป็นการผสมผสานข้อมูลพื้นฐานที่ส่งผลต่อทิศทางของตลาดและการวิเคราะห์ทางเทคนิคที่ให้จุดเข้า-ออกที่ชัดเจน โดยใช้การประชุม FOMC วันที่ 6-7 พ.ย. เป็นปัจจัยสำคัญในระยะสั้น ทั้งนี้ความไม่แน่นอนจากการเลือกตั้งสหรัฐฯ ก็อาจเพิ่มความผันผวนให้กับราคาทองคำในอนาคต

#เฟด #ปรับลดดอกเบี้ย #เศรษฐกิจสหรัฐ #ประชุมFOMC #นโยบายการเงิน #ราคาทองคำ #การลงทุน #แนวโน้มเศรษฐกิจ #วิเคราะห์ตลาด #การเงิน #เงินเฟ้อ #เศรษฐกิจโลก #กลยุทธ์การลงทุน #การวิเคราะห์

การลงทุน    FOREX    ราคาทองคำ    ทองคำ    วิเคราะห์ทองคำ    มือใหม่หัดเทรด   
อ้างอิง